เยอร์เก้น คล็อปป์ สร้างเซอไพร์สให้กับแฟนบอลทั่วโลกด้วยการตัดสินใจส่งเฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ที่ร้างสนามไปกว่า 300 วันลงสนามเป็นตัวจริง
302 วัน คือ ระยะห่างที่เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ลงสนามในเกมอย่างเป็นทางการ
นับตั้งแต่การเข้าเสียบอย่างรุนแรง และเกินความจำเป็นของ จอร์แดน พิกฟอร์ด ทำให้นักเตะคนหนึ่ง ต้องพลาดการลงสนามไปทั้งฤดูกาล และว่ากันว่านี่คือส่วนหนึ่งที่ทำให้ “หงส์แดง” ไม่สามารถป้องกันแชมป์ พรีเมียร์ลีกได้
ยังไม่รวมถึงทัวร์นาเมนต์ใหญ่ ที่เขามีโอกาสได้สวมปลอกแขน นำลูกทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ลงสู่สนาม แต่ก็ได้แต่นั่งเชียร์เฉยๆ เท่านั้น
มันคงเป็นสิ่งที่ ไม่สามารถประเมินค่าอะไรได้จริงๆ
แต่อย่างว่า เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว ตอนนี้ ฟาน ไดค์ สามารถกลับมาลงสนาม ให้กับลิเวอร์พูลได้แล้วในที่สุด การเป็นตัวจริงในเกมนัดเปิด สนามพรีเมียร์ลีก ที่ลิเวอร์พูลพบกับนอริช ถือเป็นการยุติช่วงเวลา ที่น่าผิดหวังของเจ้าตัว และเหล่าเดอะ ค็อป สักที
อาจจะมีจังหวะ ที่สนิมเกาะอยู่บ้าง แต่การที่ได้เร่งความฟิตตลอด ช่วงพรีซีซั่น บวกกับการได้ลงสนามในเกมอุ่นเครื่อง อย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้ ทำให้ฟาน ไดค์ มีความฟิต ที่อยู่ในระดับลงสนามได้ 90 นาที สบายๆ แม้จะร้างสนามไปกว่าปีก็ตาม
“302 วันก่อนหน้านี้ ผมต้องเริ่มต้น หนทางกลับมาสู่สนาม มันยากที่จะแสดงออกว่ารู้สึกอย่างไร แต่สิ่งสำคัญคือ อยากบอกว่าผมโชคดีที่มีคนคอยสนับสนุนเหลือเชื่อมากมาย”
“ศัลย์แพทย์, นักกายภาพ,โค้ช และทีมงานที่ช่วยกัน ตั้งแต่วันแรก เพื่อนร่วมทีมที่คอยให้กำลังใจ ปลุกใจให้ผมลุกขึ้นสู่ และแฟนบอลที่มอบความรัก การสนับสนุน รวมถึงกำลังใจ”
“ที่สำคัญที่สุด ครอบครัวของผม ถ้าไม่มีพวกเขาคง ไม่มีความหมายใดๆ แต่มันยังไม่จบแค่นี้ เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น เราต้องเดินหน้ากันต่อไป”
นี่คือข้อความของฟาน ไดค์ ที่มอบให้กับทุกคน หลังจากกลับมาลงสนามได้อีกครั้ง ซึ่งบ่งบอกได้เป็นอย่างดีถึงความรู้สึกของเขาว่า ดีใจแค่ไหนที่ได้กลับมาลงเล่น
เพียงแต่อย่างที่ฟาน ไดค์ บอก ว่านี่เป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น สำหรับนักเตะที่ผ่าตัดหัวเข่ามา เรารู้กันอยู่แล้วว่าไม่ใช่การ คืนสภาพได้ง่ายๆ
เชื่อว่าสาวกเดอะ ค็อป คงจะเห็นได้เป็นอย่างดี เพราะอย่างโจ โกเมซ หรือแชมเบอเลน ก็เคยผ่านการผ่าตัดหนัก ที่เข่ามาแล้ว ซึ่งใช้เวลาไม่น้อยกว่า จะกลับมาสู่สภาพสมบูรณ์
ไม่ใช่แค่เรื่องความแหยง ที่จะบาดเจ็บอีกครั้ง แต่มันก็ยังมีความฝืด สนิมที่เกาะ มันทำให้ไม่ใช่เรื่องง่าย ที่เราจะเห็นฟาน ไดค์ กลับมาอยู่ในฟอร์มที่สุดยอด อีกครั้ง
เจมี่ คาราเกอร์ อดีตปราการหลังของลิเวอร์พูล ก็คงมองเห็นถึงเรื่องนี้ และรีบออกมาเตือน เอาไว้แต่เนิ่นๆ เลยว่าอย่าไปเร่งฟาน ไดค์ ให้กลับมาลงสนาม มากเกินไป
“เรายังต้องระวังและผมคิดว่าเยอร์เก้น คล็อปป์ ก็ระวังเช่นกัน ไม่คิดว่าเราจะคาดหวังให้ฟาน ไดค์ กลับมาสู่ทีมทันที แล้วลิเวอร์พูลจะก้าวไปคว้าแชมป์อีกครั้ง เขาผ่านอาการบาดเจ็บหนักมา ต้องทำให้ชัวร์ว่ามันจะไม่เร็วเกินไป”
“ถ้าฟาน ไดค์ กลับมาอยู่ในฟอร์มที่สุดยอดได้ เขาจะเป็นกองหลัง ที่ดีที่สุดในโลก ที่ลิเวอร์พูลต้องการใน 5-6 ปี ไม่ใช่แค่ 5-6 สัปดาห์นี้”
“ต่อให้เขาลงเล่นเป็นตัวจริง แบบต่อเนื่องไม่ได้ ก็ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของโลกซะหน่อย มันอยู่ที่ทำให้เขาสมบูรณ์ เต็มร้อย เพราะตำแหน่งเขายังเล่นได้อีก 5-6 ปีเลย”
การจับคู่กันระหว่างมาตีป และฟาน ไดค์ ในเกมนัดเปิดสนาม ทำให้แฟนๆ หวนคิดไปถึงเกมในช่วงท้ายของฤดูกาล 2018/19 ที่ทั้งคู่ยืนเป็นปราการหลัง ตัวจริง จนพาทีมคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ ด้วยฟอร์มที่เรียกได้ว่า ใครก็ผ่านเกมรับของหงส์แดงยากมากๆ
จากจุดอ่อน ในฤดุกาลก่อนของลิเวอร์พูล ที่บรรดาเซนเตอร์แบ๊กของทีม ต่างพากันเจ็บหมด ฤดูกาลนี้ทุกคนกลับ มากันอย่างครบครัน แถมยังมีน้องใหม่อย่างอิบราฮิม่า โกนาเต้ เข้ามาเสริมทีมอีก มาตีป-โคนาเต้-ฟาน ไดค์-โกเมซ นี่คือ 4 เซนเตอร์แบ๊ก ที่จะเป็นตัวหลักให้กับทีม ในขณะที่ แนท ฟิลลิปส์ (ถ้าไม่ถูกขาย) หรือรีห์ส วิลเลี่ยมส์ ทั้งสองคนนี้พิสูจน์ตัวเอง ไปพอสมควรแล้วเมื่อ ปลายฤดูกาลก่อน รอเป็นกำลังเสริมหากมีใคร จะต้องบาดเจ็บซ้ำอีก
ไหนจะมีบิลลี่ คูเมติโอ ดางรุ่งที่พร้อมรอโอกาส ของตัวเองอย่างเงียบๆ เหมือนกัน
หวังว่าในฤดูกาลนี้ เราคงไม่ได้เห็นภาพของการจับมิดฟิลด์ ลงไปยืนเซนเตอร์แบ๊กกันอีกแล้ว
ถ้ามีเซนเตอร์แบ๊กมาก เป็นกองขนาดนี้ แล้วกลับต้องเอามิดฟิลด์ไปยืนอีกหล่ะก็
คงต้องทำบุญล้างซวยครั้งใหญ่แล้วหล่ะ
คลิกเลย >>> https://www.ufabetwins.com/
อ่านเพิ่มเติม >>> บ้านผลบอล